ในขั้นตอนการเตรียมธุรกิจร้านกาแฟเรามีการซื้อวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือในการเปิดร้านกาแฟจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของภาษีดังต่อไปนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เราต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ว่าจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือไม่ก็ตาม ผู้ประกอบการต้องเก็บใบกำกับภาษีเอาไว้เพื่อใช้สำหรับการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือน (กรณีที่เราเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน) และ เพื่อเป็นหลักฐานในการรับรู้รายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ หมายเหตุ ในกรณีที่เราจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนเราต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อและรายงานสินค้าและวัตถุดิบด้วย ภาษีศุลกากร หากเรามีการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบธุรกิจเราก็มีหน้าที่ต้องยื่นใบขนสินค้าขาเข้าซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้ เริ่มจากการลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) โดยลงทะเบียนเฉพาะครั้งแรกเท่านั้น) ผ่านพิธีการนำเข้าสินค้าโดยต้องศึกษาเรื่องพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเพิ่มเติมตามแต่ละประเภทของสินค้าที่เรานำเข้ามาด้วย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย หากร้านมีการจ้างลูกจ้างมีการเช่าสถานที่ตั้งร้าน หรือจ่ายซื้อแฟรนไชส์ ก็ต้องมีหน้าที่หักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วย การจ้างลูกจ้างในกรณีที่เรามีลูกจ้างเราต้องทำการเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเพื่อนำส่งกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ที่เราจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือโบนัส ฯลฯ การจัดหาสถานที่ตั้งผู้เช่าที่เป็นนิติบุคคลเมื่อจ่ายค่าเช่ามีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การจ่ายค่าแฟรนไชส์ ผู้จ่ายที่เป็นนิติบุคคลเมื่อจ่ายค่าแฟรนไชส์ให้แก่ผู้รับที่เป็นนิติบุคคล มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย จากเจ้าของแฟรนไชส์ในฐานะเป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ เมื่อเริ่มเปิดร้านและมีรายได้ก็ต้องมีภาษีเกิดขึ้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อ มีหน้าที่จัดทำ รายงานสินค้าและวัตถุดิบรายงานภาษีขายรายงานภาษีซื้อ และยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.30 ในแต่ละเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ประกอบการที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องยื่นแบบชำระภาษีปีละ 2 […]
by KKN การบัญชี